วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เก็บตกข่าวฟุตบอลส่วนหลังทีมหงส์แดงบุกไปตัดปราบทีมนักบุญพร้อมทั้งทีมเรือใบบุกตัดสาลิกาคาบ้าน 2-0


ประเดิมได้ดีหลังหงส์แงะรังเฉือนนักบุญ 2-1




  • ฟุตบอล : พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
  • วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2557
  • ลิเวอร์พูล 2 - 1 เซาธ์แฮมป์ตัน
  • สนาม : แอนฟิลด์
  • ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก
ในศึกฟุตบอลโปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2014-15 เป็นนิตย์วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2557 โดยคู่เอกเป็นเกมที่สนามแอนฟิลด์ ระหว่างทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีม นักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน

เริ่มเกมมาในครึ่งแรก

หลังจากผ่านไป 5 นาที ลิเวอร์พูล ครอบครองบอลได้มากกว่า แต่ก็ยังหาโอกาสจบสกอร์ไม่ได้

นาทีที่ 7  เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นก่อน จากโอกาสอันควรลองสับไกครั้งแรกของ สเตอร์ริดจ์ แต่ลูกเหินข้ามคานออกไปเยอะ

นาทีที่ 13 โดยมายะ โยชิดะ ผู้เล่นเซาธ์แฮมป์ตันไปเกี่ยวขา แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ล้มบริเวณเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินเฉยทำให้ทีม นักบุญ รอดเสียฟรีคิกระยะหวังผล



นาทีที่ 23 เมื่อแฟนเจ้าบ้านก็ได้เฮ เมื่อมาได้ทางเข้าออกออกนำ เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แย่งชิงบอลได้กลางสนาม แล้วโยนให้ ราฮีม สเตอร์ลิง สปีดไปรับบอลก่อนแปเล่นทางผ่านมือ ฟอสเตอร์ เข้าไป ทำให้ลิเวอร์พูล ออกนำ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0

นาทีที่ 34 ทีมลิเวอร์พูล มาวางวายฟรีคิกด้านซ้าย เจมส์ วอร์ด-เพราส์ แข้งนักบุญเปิดเข้าไปหน้าประตู แต่บอลจะเสียบสามเหลี่ยมเสาไกล ทำให้ ซิมง มินโญเลต์ ต้องออกแรงกระโดดปัดทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิด


เข้ามาสู่ช่วงทดเวลา เซาธ์แฮมป์ตัน มีโอกาสลุ้นอีกจาก มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ได้ซัดนอกกรอบบอลพุ่งตรงประตู แต่ ซิมง มินโญเลต์ ยังเหนี่ยวกระโดดปัดบอลข้ามคานออกไปได้อีกครั้ง

โดยเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม ทำให้หมดครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังนำ เซาธ์แฮมป์ตัน อยู่ 1-0

เริ่มเกมมาในครึ่งหลัง

นาทีที่ 53 ทีมลิเวอร์พูล มีจังหวะลุ้น เมื่อ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จ่ายบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้ลองส่องยิงไกลบอลเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว



นาทีที่ 55 แฟนทีมนักบุญ ก็ได้เฮบ้าง เมื่อ เนธาเนียล ไคล์น ได้บอลด้านกราบขวา ก่อนจ่ายสั้นให้ ดูซาน ทาดิช ตอกลูกส้นคืนให้ ไคล์น วิ่งไปรับในเขตโทษยิงยัดเสาแรกเข้าไปอย่างเฉียบขาด ทำให้ เซาธ์แฮมป์ตัน ตีเสมอเป็น 1-1

นาทีที่ 63 ทีมเยือนเกือบจะได้ประตูที่2 จากจังหวะที่ ดูซาน ทาดิช ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ สตีเว่น เดวิส ได้แปคนเดียวโล่งๆ แต่ยิงได้ไม่แรงพอ ทำให้ มิโญเล่ต์ ล้มตัวเซฟไว้ได้พลาดโอกาสทองอย่างน่าเสียดาย




นาทีที่ 79 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูออกนำอีกครั้ง เป็น 2-1 จากจังหวะเคลียร์บอลไม่ขาดของ เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิง จะโหม่งตั้งมาหน้าประตูให้ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ สะกิดลูกบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไปง่ายๆ

นาทีที่ 88 ทีมเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน พลาดโอกาสทองอีกครั้ง เมื่อ มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน ได้ซัดเต็มๆในเขตโทษ แต่ ซิมง มินโญเลต์ ยังปัดได้ปลายมือบอลชนคานกระดอนออกมาเข้าทาง เชน ลอง ยืนโขกคนเดียวเหน่งๆหลุดกรอบออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย

เข้าสู่ช่วงทดเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มเติมกันไม่ได้ ทำให้จบเกม ลิเวอร์พูล ถลกบ้านนัดแรกของฤดูกาลเฉือนชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปแบบสุดมันส์ 2-1

นี่คือรายชื่อ11คนแรกของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : 

  1. ซิมง มินโญเลต์
  2. ฆาเบียร์ มานกีโย่
  3. มาร์ติน สเคอร์เทล
  4. เดยัน ลอฟเรน
  5. เกล็น จอห์นสัน
  6. สตีเว่น เจอร์ราร์ด
  7. ลูคัส เลว่า
  8. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
  9. ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
  10. ราฮีม สเตอร์ลิง
  11. แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

เซาธ์แฮมป์ตัน (4-4-2) : 
  1. เฟรเซอร์ ฟอสเตอร์
  2. เนธาเนียล ไคล์น
  3. โชเซ่ ฟอนเต้
  4. มายะ โยชิดะ
  5. ไรอัน เบอร์ทรานด์
  6. วิคเตอร์ วานยาม่า
  7. มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน
  8. ดูซาน ทาดิช
  9. เจมส์ วอร์ด-เพราส์
  10. สตีเว่น เดวิส
  11. กราเซียโน่ เปลเล่


เมื่อ ริดจ์ช่วยหงส์เฉือนชนะนักบุญ




โปรแกรมบอลสำหรับ ริดจ์ คงจะเป็นปลื้มไม่น้อย หลังสอยประตูชัยให้ทีม หงส์แดง เฉือนชนะทีม นักบุญ เชื่อทีมขยายขึ้นกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ไร้เงา เหยิน ที่ย้ายออกไป ชมว่า ลิ่ง ผลงานดี หลังช่วยยิงอีกเม็ด

โดยที่แดเนี่ยล สเตอริดจ์ กองหน้าผู้ยิงประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเฉือนชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 ในเกมลีกเมื่อคืนวันอาทิตย์ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ภูมิใจกับผลงานของตัวเอง พร้อมแสดงความมั่นใจว่าทัพ หงส์แดง แข็งแกร่งขึ้นกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา แม้จะไม่มีหนหลังกองหน้าอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ที่เลือกย้ายไปซบอกทีม บาร์เซโลน่าทีมใหญ่ในลีก ลา ลีกา สเปน ในช่วงก่อนนี้ก็ตามที

ซึ่ง ริดจ์ ได้กล่าวหลังจบเกมเฉือนหวิวทีม นักบุญ ว่า ผมดีใจที่ยิงประตูนี้ได้ในวันนี้ ทั้งที่เราไม่มี (หลุยส์) ซัวเรซ ที่เขายิงให้เราถึง 30 ประตูเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผม และเพื่อนร่วมทีมคนอื่น มันคือการก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เช่นเดียวกับที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แสดงให้เห็นในวันนี้ เขาเยือกเย็นและยิงประตูได้

โดยที่ดาวยิงเลือดผู้ดีกล่าวต่ออีกว่า ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล พัฒนาขึ้นกว่าฤดูกาลก่อน การเสริมนักเตะเข้ามามากมายของผู้จัดการ ไม่ใช่ว่าเราไม่เคารพ หลุยส์ แต่เราต้องก้าวต่อไปในเวลานี้ เราแสดงให้เห็นว่าเราชนะในเกมนี้ได้ เรายิงประตูได้ และเราเล่นเกมรับได้ดี เราจะมีผลงานที่ดีในฤดูกาลนี้

ซึ่ง ผลการแข่งขันในเกมดังกล่าวทำให้ทีม หงส์แดง ขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงร่วมกับ อาร์เซน่อล และ สวอนซี ซิตี้ ที่ชนะด้วยผลการแข่งขัน 2-1 เช่นกันในสัปดาห์แรกของฤดูกาล 2014-15 ขณะที่ นักบุญ เปิดฤดูยามด้วยการรั้งอันดับ 16 ของฤดูกาล




หมูรูนรับเซ็ง หลังพ่ายประเดิมสวมปลอกแขนกัปตันผี


เมื่อ รูน ออกมายอมรับว่า ภูมิใจได้ลงทำหน้าที่กัปตันทีมอย่างเป็นทางการ แต่สุดเซ็งทีม ปีศาจแดง ประเดิมแย่ พ่าย หงส์ขาว คารัง 1-2

ซึ่งเวย์น รูนี่ย์ ที่เป็นหัวหอกตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียรืลีก อังกฤษ ออกมาเปิดเผยว่า เขารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ลงทำหน้าที่กัปตันทีมของทัพ ปีศาจแดง ในเกมนัดเปิดสนามศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ต้นสังกัดของเขาพลิกล็อกพ่ายให้กับทีม สวอนซี ซิตี้ คู่แข่งร่วมลีกไป 1-2 แต่ก็ยอมรับว่ามันเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวัง และตนก็คงจะไม่ย้อนกลับมามองเกมในนัดนี้อีก

หลังจากที่กองหน้าวัย 28 ปี เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งจาก หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมคนอีกครั้งของ แมนฯ ยูไนเต็ด แทนที่ของ เนมันย่า วิดิช กัปตันทีมคนเก่า และปาทริช เอวร่า รองกัปตันทีม ที่ย้ายออกจากทีมไปแล้วทั้งคู่หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่ได้ลงเล่นนัดแรกตั้งแต่ และได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของ รูนี่ย์ ประเดิมได้ไม่สวยนัก แม้ว่าเจ้าตัวจะสามารถทำประตูได้ก็ตาม แต่ทีม ปีศาจแดง ก็ยังแพ้ต่อทัพ หงส์ขาว ไปคาบ้าน 2-1 ซึ่งหัวหอกดีกรีทีมชาติอังกฤษ ก็ได้ยอมรับว่าเขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นักกับการประเดิมบทบาทใหม่ของเขาในเกมนี้

โดยเขากล่าวว่า มันเป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นกัปตันทีม แต่มันเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวัง มันจะไม่ใช่สิ่งที่ผมมองย้อนกลับไป และมีคดีทรงจำที่ดีกับมัน เพราะคุณต้องอยากจะเป็นผู้ชนะเสมอ มันเป็นช่วงเวลาที่ดี แต่ผมผิดหวังจริงๆ ที่เราแพ้ในเกมนี้ รูนี่ย์ กล่าว




เรือใบบุกเชือดสาลิกา2-0 ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงชั่วคราว



  • ฟุตบอล ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
  • วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2557
  • นิวคาสเซิ่ล 0 - 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 
  • สนาม : เซนต์ เจมส์ พาร์ค
  • ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

โดยในการแข่งฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2014-2015 ที่สนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค เจ้าบ้านทีม สาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีม ตูกใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

เมื่อเริ่มเกมมาได้ 3 นาที ทีมแชมป์เก่าเกือบได้โอกาสออกนำไปก่อน เมื่อ สเตฟาน โยเวติช ส่งบอลไปให้ เอดิน เชโก้ ได้กาลซัดจ่อๆ ในเขตโทษ แต่ ทิม ครูล ยังไวจัดการป้องกันลูกยิงไว้ได้อย่างหวุดหวิด

ในนาทีที่ 16 นิวคาสเซิ่ล มีโอกาสบ้าง เรมี่ กาแบลล่า รับบอลมาจาก มุสซ่า ซิสโซโก้ ก่อนตัดสินใจซัดโด่งจากนอกกรอบ โดยที่ โจ ฮาร์ท ออกมาจากหน้าปากประตูไปแล้ว แต่โชคไม่ดีฟุตบอลลอยโด่งข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้นเล็กๆ



ซึ่งนาทีที่ 38 แฟนๆทีม เรือใบสีฟ้า ก็มาได้เฮเสียที เมื่อ ยาย่า ตูเร่ เปิดไกลจากแดนตัวเอง บอลไปทาง เอดิน เชโก้ วิ่งเข้าไปรับในเขตโทษ ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจตอกส้นกลับมาให้ ดาบิด ซิลบา ที่สอดเข้ามาตรงกลางจัดการแปลอดขา ทิม ครูล เข้าประตูไป แชมป์เก่าขึ้นก่อน 1-0

ในช่วงท้ายครึ่งแรกยังเป็นทางเจ้าถิ่นที่มีโอกาสบวกประตูเพิ่มแต่ทำไม่ได้ หมดเวลาเป็นทางฝั่งทีม เรือใบสีฟ้า นำก่อน 1-0

หลังจากกลับมาช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 54 มาร์ติน เดมิเคลิส โดนใบเหลืองไปสอยเข้าที่เท้าของ เรมี่ กาแบลล่า หลังจากนั้นอีกสองนาทีต่อมา อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ก็ต้องมาโดนเพิ่มไปอีกคน หลังเจ้าตัวพุ่งเข้ามาสไลด์ใส่ เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ จนล้มที่ริมเส้น

มาถึงในนาทีที่ 63 ทีมนิวคาสเซิ่ล เปลี่ยนตัวคนแรก ถอด วูน่อน อานิต้า ออกไป แล้วให้ กาเบรี่ยล โอแบ็กตอง ลงสนามหญ้ามาช่วยเกมรุกของทีมให้มีความหลากหลายมากขึ้น

นาทีที่ 65 ทีมเรือใบสีฟ้า เกือบได้บวกประตูเพิ่ม เมื่อ สเตฟาน โยเวติช รับบอลจากเพื่อนที่จ่ายมาให้ ก่อนจะครอสไปหา เชโก้ ได้โหนขึ้นไปโขกตรงกลางเขตโทษ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไปเสียก่อน

นาทีที่ 72 ฝั่งทีมเยือนเปลี่ยนตัวสำรองบ้าง ส่ง แฟร์นันดินโญ่ ลงสนามมาเป็นคนแรก โดยถอดเอา สเตฟาน โยเวติช ออกไป ถัดมาอีกสองนาที เจ้าถิ่นถอด โยอัน กุฟฟรองค์ ออกไปพัก แล้วเปลี่ยนเอา โรลันโด้ อารอน ดาวรุ่งของทีมลงสนามเป็นคนที่สอง

โดยในนาทีที่ 75 เมื่อแว็งซ็องต์ ก็องปานี โดนใบเหลืองไปเช่นกัน หลังเจตนาดับเครื่องชนใส่ แจ็ค โคลเบ็ค ที่พยายามจะลุยเข้าไปในเขตโทษ

นาทีที่ 78 ทีมเรือใบสีฟ้า ส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามมาเพิ่ม โดยเปลี่ยนเอา ซามีร์ นาสรี่ ออกไปจากสนาม

ในนาทีที่ 83 ซึ่งทีมเยือนได้เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายถอด เชโก้ ออกไปพัก แล้วให้ เซร์จิโอ อเกวโร่ ดาวยิงตัวเก่งของทีมลงสนามมาแทน ขณะที่เจ้าถิ่นเปลี่ยนคนสุดท้ายเช่นกัน ส่ง อโยเซ่ เปเรซ ลงสนามมาแทน เอ็มมานูเอล ริวิแยร์

แต่แล้วเพียงแค่นาทีเดียวที่ อโยเซ่ เปเรซ ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาก็เกือบจะทำให้ทีมได้เฮ เมื่อเจ้าตัวได้โอกาสปั่นทางเสาไกลแฉลบไปโดนแนวรับของทีมเยือน บอลผ่านมือ โจ ฮาร์ท แต่โชคไม่ดีลูกลอยเฉี่ยวเสาออกไปแบบหวาดเสียว

จนมาถึงในนาทีที่ 88 แฟร์นันโด ได้โดนเหลืองไปเช่นกัน โทษฐานเจตนาเหนี่ยวใส่ มุสซ่า ซิสโซโก้ เพื่อไม่ให้เจ้าตัวได้เล่นแบบถนัด



เข้าสู่ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นโหมบุกอย่างหนักเพื่อตีเสมอแต่ไม่ได้ ก่อนที่สุดท้ายทีมจะมาเสียประตูเมื่อ เซร์จิโอ อเกวโร่ ลากมาพร้อมกับ ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ ที่ตามมาประกบ ก่อนตัดสินใจซัดดื้อๆ ด้วยซ้าย บอลถูก ทิม ครูล ปัดไว้ได้แต่ก็มาเข้าทางเจ้าตัวได้ซำอีกครั้งด้วยขวาเข้าไปได้สำเร็จให้ทีม เรือใบสีฟ้า นำห่าง 2-0

ทำให้หมดเวลา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไปได้ 2-0 ส่งผลให้ทีมเก็บชัยชนะประเดิมฤดูกาลใหม่ได้อย่างสวยงาม

นี่คือรายชื่อผู้เล่น นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (4-2-3-1) :

  1. ทิม ครูล 
  2. ดารีล ยันมาต
  3. ไมเคิ่ล วิลเลียมสัน
  4. ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่
  5. พอล ดัมเม็ทท์ 
  6. แจ็ค โคลเบ็ค
  7. วูน่อน อานิต้า 1.กาเบรี่ยล โอแบ็กตอง น.63 
  8. มุสซ่า ซิสโซโก้
  9. เรมี่ กาแบลล่า
  10. โยอัน กุฟฟรองค์ 1.โรลันโด้ อารอน น.74 
  11. เอ็มมานูเอล ริวิแยร์ 1.อโยเซ่ เปเรซ น.83

ผู้เล่นสำรอง

  1. โรเบิร์ต เอเลียต 
  2. มัสซาดิโอ ไฮดาร่า 
  3. สตีเว่น เทย์เลอร์ 
  4. เมห์ดี้ อาบีด



นี่คือรายชื่อผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-4-2) :

  1. โจ ฮาร์ท 
  2. กาแอล กลิชี่
  3. มาร์ติน เดมิเคลิส
  4. แว็งซ็องต์ ก็องปานี
  5. อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ 
  6. ซามีร์ นาสรี่ 1.เจมส์ มิลเนอร์ น.78
  7. ยาย่า ตูเร่
  8. แฟร์นันโด
  9. ดาบิด ซิลบา 
  10. สเตฟาน โยเวติช 1.แฟร์นันดินโญ่ น.72 
  11. เอดิน เชโก้ 1.เซร์จิโอ อเกวโร่ น.83

ผู้เล่นสำรอง

  1. วิลล่ กาเบเยโร่ 
  2. ปาโบล ซาบาเลต้า 
  3. เดดริก โบยาต้า 
  4. เฆซุส นาบาส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น